แม้ว่าประเทศไทยได้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยการทำแท้งฉบับใหม่ และประกาศใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ยังพบปัญหาความไม่เข้าใจต่อกฎหมายนี้และข้อบังคับแพทยสภา สังคมไทยยังคงมีอคติ การตีตรา ไม่เข้าใจและไม่ยอมรับในสิทธิการตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ด้วยตนเองของผู้หญิง รวมถึงทัศนคติด้านลบต่าง ๆ ที่ขัดขวางต่อการให้บริการ อีกทั้งสถานบริการยุติการตั้งครรภ์ยังมีน้อยมากเมื่อเทียบกับความต้องการของผู้รับบริการท้องไม่พร้อม แพทย์ที่ให้บริการยังไม่มีความพร้อมและขาดทีมงานในการให้บริการ การเผชิญกับสถานการณ์โควิด19 มีการล็อกดาวน์ ทำให้ผู้ประสบปัญหาไม่สามารถเข้าถึงบริการ มีปัญหาเศรษฐกิจ และยังพบว่าสถานบริการหลายแห่งต้องปิดบริการลงชั่วคราวเพื่อรองรับคนไข้โควิด นอกจากนี้ ยังพบปัญหาการขาดแคลนยายุติการตั้งครรภ์เป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะยาที่ใช้ในอายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์
เนื่องในวันยุติการตั้งครรภ์สากลปี 2564 ที่มีคำขวัญการรณรงค์ในปีนี้ว่า “ยุติการตั้งครรภ์คือบริการสุขภาพที่จำเป็น” สมาคมพัฒนาเครือข่ายอาสา RSA ตระหนักถึงความท้าทายดังกล่าว และมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
- ให้ข้อมูลและทำความเข้าใจกับบุคลากรทางการแพทย์เรื่องกฎหมาย ข้อบังคับแพทยสภา บริการตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อร่วมกันดูแลภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
- สื่อสารให้เด็กและสตรีสามารถตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ด้วยตนเอง ได้รับสิทธิตามกฎหมายและเข้าถึงสถานบริการที่ปลอดภัย และมีระบบส่งต่ออย่างมีประสิทธิภาพ
- เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการปรึกษาทางเลือก การยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยอย่างทั่วถึง
- พัฒนาระบบบริการปรึกษาทางเลือกสำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาท้องไม่พร้อม ให้มีหลายช่องทางและเข้าถึงง่าย
- จัดให้มีแพทย์ พยาบาล และทีมสหวิชาชีพให้บริการทางเลือกยุติการตั้งครรภ์ให้ครบทุกจังหวัดและทุกเขตสุขภาพของประเทศ
- เพิ่มโครงข่ายสนับสนุนให้บริการ Telemedicine แก่ผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่พร้อมในช่วงโควิด19 เพิ่มศักยภาพในการดูแลการแท้งด้วยตนเอง (Abortion Self Care) อย่างมั่นใจเรื่องความปลอดภัยจากทีมแพทย์ และสหวิชาชีพ และเมื่อมีอาการแทรกซ้อนสามารถเข้ารับบริการในโรงพยาบาลได้ทุกแห่งโดยไม่ถูกตีตรา
- จัดให้มียายุติการตั้งครรภ์เพียงพอ ไม่ขาดแคลน โดยเฉพาะในกรณีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ แก่สถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน
สมาคมพัฒนาเครือข่ายอาสา RSA ร่วมกับภาคีเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะร่วมกันเพื่อให้การตายและการบาดเจ็บจากการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัยจะลดลงมากหรือเป็นศูนย์ ให้ได้เป็นจริงในประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับการรณรงค์หลักของนานาชาติในปี 2564 นี้ คือ #MakeUnsafeAbortionHistory